BLOG

BLOG
BLOG
ติดสปีดธุรกิจด้วย Social Commerce

ถ้าตอนนี้คุณกำลังทำการตลาดออนไลน์ในรูปแบบ Social commerce  ไม่ว่าจะเป็น Facebook ,  Instagram , Line OA และมีเป้าหมายว่าสักวันนึ่งฉันนั้นจะต้องมียอดขายจากช่องทางออนไลน์อย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 50-60 %  จากช่องทางทั้งหมด ฝันที่เคยฝันมีโอกาสเกิดขึ้นจริงแล้ว เพราะวันนี้ฝ่ายการตลาดฯ เรามีเคล็ดลับที่จะช่วยให้คุณสามารถวางแผน วางกลยุทธ์เพื่อติดสปีดสู่เป้าหมาย ได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ 

ก่อนจะเข้าสู่เคล็ดลับความสำเร็จ คุณอาจจะสงสัยว่าการทำการตลาดในรูปแบบ Social commerce ต่างจาก Social media อย่างไร จริง ๆ แล้วทั้งสองอย่างนี้เป็น Media เดียวกันครับ แต่ต่างกันที่ ‘ปลายทางการซื้อขาย’ โดยมีวิธีการเข้าใจได้ง่าย ๆ คือ ถ้าเป็น Social commerce ลูกค้าของคุณสามารถซื้อสินค้าผ่านแพลตฟอร์มของคุณได้โดยตรงเลย แต่หากเป็น Social media ลูกค้าจะต้องสลับแพลตฟอร์มไปซื้อสินค้าของคุณกับอีกแพลตฟอร์มนึ่ง ตามขั้นตอนที่คุณได้วางเอาไว้

เมื่อคุณเข้าใจถึงความแตกต่างของการซื้อขายทั้ง 2 แบบข้างต้นแล้ว ในส่วนนี้จะทำให้คุณสามารถเข้าใจถึงเคล็ดลับความสำเร็จของบันได 3 ขั้น ที่ช่วยให้คุณไปถึงเป้าหมายได้รวดเร็วยิ่งขึ้น


บันไดขั้นที่ 1 รู้จักลูกค้าอย่างลึกซึ้งด้วย Customer research 
ในวงการด้านการตลาด หลายคนอาจจะเคยได้ยินคำนี้บ่อย และมองว่า Customer research คือ กระบวนการที่มีความซับซ้อน แต่ความซับซ้อนตรงนี้กลับมีความสำคัญมากที่สุด เพราะข้อมูลส่วนนี้จะทำให้คุณรู้จักลูกค้า รู้จักตลาด เรียนรู้พฤติกรรมของลูกค้ามากยิ่งขึ้น เมื่อคุณมีความเข้าใจแล้ว ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปในการวางการตลาดให้สามารถสอดคล้องกับสินค้าหรือบริการของคุณ โดยการทำ Customer research มีเครื่องมือทางการตลาดที่คุณสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้มากมาย เช่น Quantitative research (การทำ Research โดยมีสถิติ หรือปริมาณเข้ามาเกี่ยวข้อง) , Qualitative research (การทำ Research โดยใช้ความเข้าใจถึงสิ่งต่าง ๆ เป็นหัวใจสำคัญ) เป็นต้น


บันไดขั้นที่ 2 เพิ่มความชัดเจน ลดความซับซ้อนด้วย Customer journey 
คุณเคยเป็นไหมครับ ลงทุนทำการตลาดออนไลน์ไปแต่กลับไม่มียอดขาย เช็คแอดโฆษณาก็แล้ว เช็คคอนเทนต์ก็แล้ว แต่ผลลัพธ์ก็ไม่ถึงเป้าหมายสักที นี่จึงเป็นคำตอบของบันได้ขั้นที่ 2 ว่าทำไมคุณถึงควรทำ Customer journey เพราะถ้าแปลตามความหมายแล้วคำนี้ คือ การเดินทางของลูกค้าครับ ฉะนั้นผมอยากให้คุณลองจินตนาการ แล้ววาดภาพแผนที่การเดินทางของลูกค้าสู่แบรนด์ไปพร้อม ๆ กับผมนะครับ 
1.ถ้าคุณกำลังจะขายสินค้าหรือบริการสักชนิดหนึ่ง ลูกค้าของคุณจะรับรู้สินค้าหรือบริการผ่านช่องทางไหนได้บ้าง?
2.หากวันหนึ่งลูกค้าจำเป็นต้องใช้สินค้าหรือบริการประเภทเดียวกับคุณ แต่ในตลาดออนไลน์กลับมีคู่แข่งที่เยอะอยู่แล้ว คุณจะมีวิธีการอย่างไรให้ลูกค้าสามารถค้นหาแบรนด์ของคุณเจอ?
3.เมื่อลูกค้าเจอแบรนด์ของคุณแล้ว สิ่งต่อมาถ้าลูกค้าเข้ามาใน Social media ของแบรนด์คุณ สิ่งแรก และความรู้สึกแรก ที่คุณอยากให้ลูกค้าเห็นคืออะไร?
4.อะไรคือจุดแข็ง ที่ทำให้ลูกค้าจะตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการของคุณ และเมื่อลูกค้าตัดสินใจซื้อแล้ว คุณจะปิดการขายลูกค้าอย่างไร?
5.แผนการรักษาฐานลูกค้าเก่า เพิ่มลูกค้าใหม่ของคุณเป็นอย่างไร และจะทำอย่างไรให้ลูกค้ารักแบรนด์ของคุณ จนต้องกลับมาซื้อซ้ำอีกครั้ง? 

 

บันไดขั้นที่ 3 เลือกวางแผนกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับแพลตฟอร์ม
ในแต่ละแพลตฟอร์มจะมีฟีเจอร์จุดเด่น ที่แตกต่างกันออกไป Customer Experience ก็ต่างกัน ซึ่งแน่นอนว่าคุณไม่สามารถใช้กลยุทธ์แบบตายตัวกับทุก ๆ แพลตฟอร์มได้ ก่อนที่จะวางแผนกลยุทธ์สิ่งสำคัญ คือ คุณต้องรู้จักฟีเจอร์ของแต่ละแพลตฟอร์มให้ดีซะก่อน รู้ว่าลูกค้าของคุณถ้าเข้ามาในแพลตฟอร์มนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่ออะไร อะไรที่ทำให้ลูกค้าเข้ามาใช้งานแพลตฟอร์มนี้ หากคุณเข้าใจถึงพฤติกรรมของลูกค้าดีแล้ว ก็จะทำให้การวางแผนกลุยทธ์มีทิศทางที่ชัดเจน และเพิ่มประสิทธิภาพในการวางแผนได้มากยิ่งขึ้น 
การนำบันไดทั้ง 3 ขั้นนี้มาปรับใช้ในการวางกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ จะยิ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ เพิ่มโอกาสสู่เป้าหมายได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น และสิ่งสำคัญที่ผมอยากจะขอเน้นย้ำกับเพื่อนร่วมธุรกิจอย่างสม่ำเสมอ คือ หัวใจของการทำธุรกิจที่เติบโต ไม่ใช่แค่การมีกลยุทธ์ที่ดี แผนการตลาดที่ยอดเยี่ยมเพียงอย่างเดียว แต่ยังต้องมีการพัฒนาและการต่อยอดสินค้าหรือบริการให้ดียิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง


“เพราะการมีแบรนด์ที่ดี เริ่มต้นจากการมีสินค้าหรือบริการที่ดีก่อนเสมอ”

 

รัชพล พริบไหว

         รัชพล พริบไหว 
    Marketing Manager

_______________________