: ให้มันเป็น E - Commerce ซีรีส์
อยากให้มีตลาดออนไลน์จัง
จตุจักร เลียบด่วน ตลาดนัดรถไฟ ตลาดนัดหัวมุม ฯ
มุมลูกค้า
มุมคนขาย
เป็นไปได้ไหม ถ้าตลาดนัดจะมีเว็บไซต์ แบบ E - Commerce
วันไหนฝนตกก็ต้องเก็บร้าน ลูกค้าก็ไม่มาเดินแล้ว จึงทำให้พ่อค้าแม่ค้า และแม้กระทั่งเจ้าของตลาด ขาดรายได้ในอาชีพ เพราะมีรายได้ทางเดียวที่รอแค่ให้คนมาเดินตลาด ปัจจุบันทั้งพ่อค้าแม่ค้าเอง ก็ต้องปรับตัวเพื่อตามให้ทันยุคสัมยที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ที่ใครๆ ก็บอกว่า เป็นยุค Disrupsion จับทิศทางเทคโนโลยีใหม่ ๆ แทนรูปแบบธุรกิจเดิม
แล้วถ้าหากว่า “มีตลาดออนไลน์แล้วละ” แถมยังต่อยอดไปทำแอพพลิเคชั่นได้ด้วย
อย่างที่เราคนไทยรู้กันว่า ในบ้านเรา มีตลาดอยู่ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็น ตลาดนัดจตุจักร , ตลาดนัดเลียบด่วนรามอินทรา , ตลาดนัดหัวมุม ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้เกิดวิกฤต Clovid 19 ทำให้มีมาตราการ เว้นระยะห่างทางสังคม ทำให้ตลาดที่มีคนเดินพลุ่กพล่าน ต้องปิดตลาด สภาพอากาศก็มีส่วนสำคัญ ถ้า1. ไม่ใช่ ให้พ่อค้าและแม่ค้า เอาร้านไปฝากลงตัวกลางการขายใน Marketplce แต่เป็นเว็บไซต์ที่เป็นแพลตฟอร์มของตลาดเอง เป็นแบบ Direct to Customers
ยกตัวอย่างเช่น www.jatujukmk.com เว็บไซต์ ตลาดนัดจตุจักร ( ยังไม่มีเจ้าไหนเคยทำเว็บไซต์ตลาด สิ่งที่ยกตัวอย่างมาเสนอเป็นเพียงไอเดียเท่านั้น ) พื้นที่ออนไลน์ให้พ่อค้า แม่ค้า ที่มีหน้าร้านอยู่ในตลาดนัดจตุจักรอยู่แล้ว นำร้านของตัวเองมาลงบนแพลตฟอร์มเว็บไซต์ เพื่อให้มีช่องทางของรายได้ทั้งออฟไลน์และออนไลน์สัมพันธ์กัน ตอบโจทย์กับความต้องการของพฤติกรรมของผู้บริโภค เนื่องจากการนิยมการช็อปปิ้งออนไลน์ จากผลสำรวจการเข้าใช้อินเทอร์เน็ตของคนไทยในปี 62 เพิ่มขึ้น 10 ชม. 22 นาที และเป็นกลุ่ม Gen Y & Gen Z ซึ่งเป็นกลุ่มผู้บริโภคหลักของตลาดนัดอยู่แล้ว ครองตำแหน่งมาตลอด 5 ปี ที่ผ่านมา
2. ยุคที่คนพกเงินสดน้อยลง
ด้วยสังคมไร้เงินสด ณ ตอนนี้ สะดวกที่สุด และมีความคล่องตัวในการจับจ่ายมากขึ้น จากผลสำรวจ 57% คนไทย พกเงินสดติดตัวน้อยลง ทำธุรกรรมผ่านออนไลน์มากขึ้น ผลพวงจากการแพร่ระบาดของไวรัส Covid 19 จึงทำให้พฤติกรรมการใช้จ่ายที่พยายามเลี่ยงการสัมผัสโดยตรง ทำให้หารทำธุรกรรมต่างๆ จะเป็นออนไลน์เติบโตขึ้นเท่าตัว
3. ตลาดอีคอมเมิร์ซ เติบโตสูง เพราะ WFH คนอยู่บ้านมากขึ้น
การเข้าใช้อินเทอร์เน็ตของคนไทย โตขึ้น 8 - 10 % ต่อปี เป็น 4 เท่า มากสุดในอาเซียน นับจาก 10 ปีที่ผ่านมา จากการปรับตัว วิถีการใช้ชีวิตในสถานการณ์ปัจจุบัน ตามนโยบาย อยู่บ้าน เพื่อหยุดเชื้อ กินเวลานาน ทำให้คนเริ่มชินกับการไม่ค่อยออกไปข้างนอก และหลีกเลี่ยงสถานที่แออัด ทำให้ E - Commerce นั้น ตัวหอมขึ้นมาก เจ้าของธุรกิจต่างก็เล็งเห็นถึงความสำคัญเพื่อปรับตัวรับมือกับสถานการณ์ ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค เน้นออนไลน์มากขึ้น แต่ก็ยังไม่ทิ้งออฟไลน์ ทั้ง 2 อย่างต้องสัมพันธ์กัน
4. สังคมและพฤติกรรมการซื้อที่เปลี่ยนไป มากกว่า 90% เป็นผู้บริโภคที่มักเปรียบเทียบราคาสินค้าบนออนไลน์กับหน้าร้าน ก่อนตัดสินใจซื้อ รองลงมากว่า 76% รู้จักสินค้าแบรนด์ใหม่ ๆ จากช่องทางออนไลน์ และ 71% ของผู้บริโภคในยุคนี้เป็นแบบ Discovery Generation เป็นกลุ่มที่ มองหาสินค้าไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่รู้ว่าจะซื้ออะไร แต่เห็นแล้วถูกใจก็ซื้อเลย
5. ความหลากหลายในการเลือกซื้อมากว่าการไปเดินดูทีละร้าน บนแพลตฟอร์มที่ใช้งานง่าย อำนวยความสะดวกสบาย
ไม่ว่าจะเป็นโปรโมชั่น ส่วนลดต่างๆ การอัพเดตสินค้าใหม่ ๆ การเลือกซื้อจนไปถึงการจัดส่งที่มีความรวดเร็วขึ้น จากการแข่งขันกันของธุรกิจโลจิสติกส์ ความเป็นส่วนตัวในการซื้อ มักจะดูรีวิว จนกว่าจะแน่ใจ และดูสินค้าประเภทเดียวกันจากหลายร้าน เพื่อนำมาประกอบการตัดสินใจ เป็นความสะดวกสบาย บนแพลตฟอร์มที่ผ่านการคิดการออกแบบให้อำนวยความสะดวกสบายและใช้งานง่าย จัดหมวดหมู่อย่างเป็นระเบียบ ระบบไม่ซับซ้อน และรองรับการแสดงผลบนทุกอุปกรณ์อย่างรวดเร็ว Responsive โดยเฉพาะบนสมาร์ทโฟน เป็นอุปกรณ์ที่คนเราใช้เพื่อเข้าถึงช่องทางออนไลน์มากที่สุด
------------- แนะแนวทาง ส่งเสริมไอเดียเกี่ยวกับธุรกิจ ที่ต้องเผชิญกับวิกฤต Covid 19 กับการปรับตัวและรับมือกับสภาวะทางสังคม และการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค การเข้าชมสินค้า ใช้เวลาในการพิจารณาและดูรีวิว เป็นสิ่งที่ผู้บริโภคยุคนี้ใช้เพื่อประกอบการตัดสินใจ รูปภาพการแสดงโชว์สินค้าและข้อมูลสินค้าจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ลูกค้า มีสิทธิที่จะซื้อสินค้าสูง เนื่องจากแรงจูงใจจากรูปภาพตัวอย่าง หรือ ผู้ใช้คนก่อนมารีวิวถึงข้อดีข้อเสีย และหากคนรีวิวเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงจะยิ่งมีอิทธิพลต่อผู้ซื้อ ทั้งนี้ ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำการตลาดออนไลน์ เพื่อกระตุ้นยอดขายและสร้างภาพลักษณ์ให้กับแบรนด์หรือธุรกิจ เพื่อแข่งขันและปรับกลยุทธ์ให้รับมือกับยุค Digital Disruption -----------------
Salisa
Content Creator